THE KLOPP ผู้ปลุกเครื่องจักรสีแดง ( Red Machine )
ณ เวลานี้ต้องบอกว่าไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าทีมฟุตบอลที่เป็นกระแสมากในหลายๆ ด้าน ตอนนี้คงหนีไม่พ้นยักษ์หลับแห่งเกาะอังกฤษ หลังจากการเข้ามาปลุกทีมที่เคยได้ชื่อว่า “เครื่องจักรสีแดง” ของหัวเรือใหญ่ที่ชื่อว่า เจอร์เกน คล็อป
“ต้องบอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่เราเชื่อว่านี่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดต่อทีมสำหรับการแข่งขัน และความสำเร็จในภายภาคหน้า ส่วนผู้จัดการคนใหม่นั้น เรากำลังดำเนินการ และหวังว่าจะประกาศได้ทันในเวลาที่ต้องการ” หลังจากที่สโมสรลิเวอร์พูลได้แถลงประกาศนี้ออกมาก็ต้องบอกว่าแฟนทั่วโลกคงจะโล่งใจไม่น้อยกับคำแถลงนี้
จากก่อนหน้านี้พวกเขาต้องทนเห็นทีมรักทำผลงานย่ำแย่ส่วนนึงของผลงานปฏิเสธไม่ได้ว่ามาจากตัวผู้จัดการทีมที่หลังจากเคยพาทีมเกือบคว้าแชมป์ลีคลูงสุดในชื่อพรีเมียลีคสมัยแรก แต่สุดท้ายแล้วก็ได้แค่รองแชมป์ แล้วหลังจากนั้นตัวเขาเองก็ดูจะไม่มีความกระหายอีก ผลงานของทีมก็ไม่ดีเอาซะเลยจนเป็นที่มาของการประกาศปลดกุนซือและคำแถลงข้างต้น
หลังจากนั้นไม่นานสโมสรก็ได้มีการประกาศแต่งตั้ง เจอร์เกน คล็อป หลังจากที่เจ้าตัวหมดสัญญากับทีมโบรุสเซียดอร์ทมุนด์ ท่ามกลางการได้รับความสนใจจากทีมชั้นนำหลายต่อหลายทีมในยุโรป ไม่เว้นแต่แมนยูเองก็มีข่าวว่าต้องการตัวเขาด้วยเช่นกัน
การมาของ คล็อป นั้นเป็นการจุดประกายให้กับแฟนบอลทั่วโลกมั่นใจว่าเขาผู้นี้จะต้องนำความสำเร็จมาสู่สโมสรได้แน่นอนหลังจากที่ได้เห็นกับตาที่เยอรมันกับดอร์ทมุนด์ที่สามารถทำทีมเสือเหลืองก้าวขึ้นมาเป็นคู่ต่อกรที่สำน้ำสมเนื้อกับยักษ์ใหญ่ประจำลีคอย่างเสือใต้ บาเยิร์น มิวนิค โดยปฎิเสธไม่ได้เลยว่าความต้องการสูงสุดของทั้งสโมสรและแฟนบอลคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีค อังกฤษ ที่ยังทำได้แค่เฉียด
ซึ่งแน่นอนว่า การที่ทีมจะประสบความสำเร็จเลยนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องให้เวลาในการปรับตัวทั้งตัวเขาและนักเตะ วรงระบบต่างๆรูปแบบการเล่นต่างๆของทีมรวมทั้งการที่ต้องหานักเตะใหม่ๆ ที่สามารถจะเข้ามาทำให้การวางรูปแบบการเล่นของเขานั้นมีประสิทธิภาพ โดยที่เจ้าตัวก็ได้เปรยเองอีกด้วยว่าคงจะต้องใช้เวลาอีกซักระยะ
จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 3 ปีแล้วถึงแม้ยังไม่ได้แชป์ตามที่ต้องการ แต่การวางรากฐานของเขาดูจะเห็นผลมากในฤดูกาลนี้ หลังจากที่สามารถทำให้แผงหลังของทีมดูแข็งแกร่งขึ้นด้วยการได้ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ มาขันเกมรับให้ทีมที่เสียประตูง่ายๆ อย่างเมื่อก่อนกลับมาเสียประตูได้ยาก อีกทั้งเกมส์รุกเองที่เป็นเหมือนเครื่องหมายการค้าของ คล็อป อยู่แล้วทำผลงานได้ดีมากๆ แน่นอนว่าคนหนึ่งที่เป็น Key man สำคัญคือ โมฮัมหมัด ซาร่าที่เป็นเหมือนจิ๊กซอตัวสุดท้ายที่เข้ามาเติมเต็มทำให้ปีนี้ลิเวอร์พูลกลายเป็นทีมที่ยิงประตูได้เยอะที่สุดในยุโรป ปลุกทีมที่ในอดีตเคยได้ชื่อว่า “Red Machine” หรือเครื่องจักรสีแดงให้กับมาผงาดอีกครั้งในเวลานี้
ผลงานโดยรวมในปีนี้คือสามาร Top 4 ได้สิทธิ์เล่นยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีคฤดูกาลหน้าได้ อีทั้งผลงานชิ้นโบว์แดงเลยนั้นก็คือการที่สามารถพาทีมเข้าชิง ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีค ในปีนี้ได้สำเร็จโดยจะไปเจอกับยักษ์ใหญ่จากสเปน ราชันชุดขาวรีลมาดริด ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ซึ่งความพร้อมของทัพหงส์แดงนั้นก็ต้องบอกว่าพร้อมเต็มที่ นักเตะแต่ละคนมีความกระหายชัยชนะ บวกกับแฟนบอลที่พร้อมจะส่งเสียงเชียร์ และส่งแรงใจตลอด 90 นาที อย่างแน่นอน
ผลสรุปสุดท้ายจะเป็นยังไง สำหรับคล็อปเองนั้นต้องบอกว่ามันมีแต่ได้กับได้ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ เพราะฤดูกาลหน้าจะทำให้ทีมกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาก ทั้งในตลาดนักเตะเองก็สามารถที่จะเป็นแรงดึงดูดให้กับนักเตะดังๆ ให้อยากเข้ามาสู่ทีมได้ไม่ยาก เนื่องด้วยการเล่นที่ บุก บุก แล้วก็บุก และแฟนบอลเองต้องบอกว่าเป็นความปราถนาที่รอมานานกับการที่จะได้เชียร์ได้เห็นทีมที่เขารักกลับมาขาประจำของเวทียุโรปซักทีหลังจากก่อนหน้านี้ได้ห่างหายไปช่วงหนึ่ง
ก็ต้องมาตามดูกันว่าชายที่ชื่อว่า เจอร์เกน คล็อป จะสามารถพาลิเวอร์พูลกลับมาทวงบัลลังก์ความยิ่งใหญ่ของเกาะอังกฤษ และยุโรปได้หรือไม่ และเมื่อไหร่