เมื่อแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ กำลังส่องหาราชัน
ความรู้สึกตอนนี้ของเหล่าแฟนราชัน ชุดขาว รีลมาดริด ต้องนับได้ว่าโล่งใจเป็นอย่างยิ่ง หลังปัญหาต่างๆ ของสโมสรเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดี
ช่วง 2 เดือนแรกของฤดูกาลกับ กุนซือใหม่ อย่าง โลเปเตกี นั้น ต้องบอกว่า แฟน ๆ ราชัน ถึงกับนอนไม่หลับกันเลยทีเดียว กับผลงานของทีมที่ดิ่งลงเหวได้อย่าง เหลือเชื่อ เรียกได้ว่าปรับตัวกันไม่ทันเลยทีเดียว เพราะเมื่อกลางปี ทีมเพิ่งได้ฉลองแชมป์ถ้วยใหญ่ อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยน ลีก ถ้วยที่ทุกทีมในยุโรป ถวิลหา ได้ 3 ปีติดต่อกันอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด
การทำผลงานได้สุดย่ำแย่ ในรอบหลายปี ของช่วงออกสตาร์ท ฤดูกาล นั้น ทำให้แฟน ๆ ต่าง โฟกัสไปที่ ปัญหาการเสริมทัพของทีม ทั้งตำแหน่งกุนซือ รวมถึง นักเตะหน้าใหม่ ที่ ทีมได้เสียนักเตะดาวเด่นอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ไป แต่ไม่ได้รับการเสริมทัพกับมาให้สมดุลเหมือนเดิม
การเสียนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ยิงประตูได้ถึง 40-50 ประตูต่อฤดูกาลนั้น คงเป็นเรื่องยากที่จะหาใครมาเสริมในส่วนนี้ได้ทัน แต่การได้นักเตะ ดาวรุ่งอย่าง มาเรียโน่ ดิอาซ ที่ใช้ ออปชั่น การซื้อตัวกลับมาด้วยเม็ดเงินเพียง 23 ล้านยูโรเท่านั้น และมาสวมเสื้อเบอร์ 7 ที่เป็นเบอร์ในตำนาน ของ เหล่านักเตะ อย่าง เอมิลิโอ บูตราเกนโญ่ , ราอูล กอนซาเลซ หรือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้เองก็ตาม ถือว่าเสี่ยงกับความกดดันที่จะเกิดขึ้นกับตัว มาเรียโน่ ดิอาซ มากเกินไป
ไม่เพียงโรนัลโด เท่านั้น ทีมยังต้องเสีย ซีเนอดีน ซีดาน ที่ประกาศ ลาออก หลังจากผลงานสุดยอดใน 3 ฤดูกาลแรกที่ทำงานให้ Real Madrid การที่นักเตะซุปเปอร์สตาร์ อย่างซีดานมาคุมทีมนั้น ความมากด้วยบารมีที่สั่งสมมาสมัยยังเป็นนักเตะ จึงสามารถที่จะ คอนโทรล นักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ ที่มีล้นทีมรีลมาดริด ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก เพราะ นักเตะเคารพ กับผลงานของ ซีดานที่ทำไว้ในอดีต
แต่การที่ทีมเลือกกุนซือใหม่ อย่าง โลเปเตกี ที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน แถมยัง ต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งกลางคัน ในระหว่างการคุมทีมชาติสเปน สู้ศึกบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ด้วยบารมี ที่ยังไม่ถึงที่นักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์จะยอมรับ ทำให้มีปัญหาการคุมทีมทันทีตั้งแต่เริ่ม บรรยากาศในแคมป์ฝึกซ้อม ก็ไม่ค่อยดีอย่างเห็นได้ชัด
การควบคุมนักเตะ ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วมากมาย อย่าง เซอร์คิโอ รามอส หรือ มาร์เซโล นั้นก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับ โลเปเตกี ซักเท่าไหร่ ปัญหาฟอร์มตก ของนักเตะหลาย ๆ คน ก็ทำให้ รีล มาดริด ผลงานออกมาไม่ดี แม้กระทั่งในบอลถ้วย ที่โชว์ ฟอร์มเด่น มาตลอดอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก ยังถึงกับออกไปแพ้ CSKA MOSKOV ที่เป็นทีมรองบ่อนอย่างเห็นได้ชัด
ฟางเส้นสุดท้ายของ บอร์ดบริหาร และแฟนบอล น่าจะเป็นศึก เอล กลาซิโก้ ที่ต้องไปเยือน บารเซโลน่า แม้ทางบาเซโล่าจะขาดเมสซี่ก็ตาม แต่ การโดนถลุงไปถึง 5-1 นั้น เป็นสกอร์ ที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้วกับ Real Mardrid ชุดนี้ ชุดที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปมาหมาด ๆ แฟน ๆ รับไม่ได้เป็นอย่างยิ่ง จนสุดท้าย ก็ต้องปลด โลเปเตกี ออกทันทีหลังจากการแข่งขัน แม็ตช์นี้
และเนื่องจากตัวเลือกในตอนนี้ มีไม่มาก กับ กุนซือชื่อดัง แม้จะเป็นข่าวหนาหู กับ อันโตนิโอ คอนเต้ ที่ว่างงานอยู่ แต่ดูท่าทีของคอนเต้ ก็ไม่ค่อยอยากมาคุม รีล มาดริด ที่มีขาใหญ่ อย่าง รามอส อยู่ซักเท่าไหร่ หวยจึงไปตกลงที่ ซานดิอาโก้ โซลารี่ โค้ช ทีมชุดเยาวชน ที่มาใช้ขัดตาทัพชั่วคราว
แต่เหมือน แฟน ๆ มาดริด จะเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลาย อุโมงค์ กับผลงาน กุนซือ ชั่วคราวอย่าง โซลารี่ แม้จะมีโปรไฟล์ที่ไม่สวยหรู แต่การออกสตาร์ท การคุมทีม 4 นัดแรก ด้วยชัยชนะรวด นั้น สร้างสถิติกลายเป็นกุนซือที่ออกสตาร์ทได้ดีที่สุด ผลงานดีกว่า ซีดาน ตอนออกสตาร์ท เสียอีก
แม้จะสะดุด ในช่วงแรก ๆ แต่ โอกาสของ มาดริด ในการคุมทีมของ โซลารี่นั้น ก็ต้องบอกว่า ยังมีลุ้น อยู่ในทุกรายการที่มาดริดแข่งขัน ทั้งในศึก ลาลีกาเองก็ตาม ที่เหมือนโชคจะเข้าข้างอยู่ไม่น้อย ก่อนปิด เบรคทีมชาติ บาร์เซโลน่า ดันพลิก พล่าย ต่อ รีล เบติส คาบ้านอย่างเหลือเชื่อ ทำให้กลายเป็นว่า คะแนนของ รีล มาดริด ตามหลังบาเซโลน่า เพียงแค่ 4 คะแนน เท่านั้น แม้อันดับจะห่างกันอยู่มากก็ตาม แต่เพียงแค่ 4 คะแนนนั้น ยังตัด รีล มาดริด ออกจากสารบบ การลุ้นแชมป์ไม่ได้
ซึ่งยังเหลือโปรแกรมการแข่งขัน อีกมากกว่า 2 ใน 3 ของฤดูกาล อะไร ๆ ก็เกิดขึ้น ได้ หาก รีล มาดริด กลับมาเข้าฟอร์มที่ควรจะเป็น ก็มีโอกาส ที่จะพลิกขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงของตารางได้เช่นกัน และ เอล กลาซิโก นัดสองของฤดูกาลนี้ ต้องกลับไปเล่นที่ ซานดิอาโก้ เบอร์นาบิว บ้านของรีล มาดริด ถึงเวลานั้น เมื่อนักเตะพร้อมใจกันสู้ ก็มีโอกาสที่จะเอาชนะบาเซโลน่า ชุดนี้ได้อย่างแน่นอน เพราะตัวผู้เล่นก็ไม่ได้เป็นรองบาร์เซโลน่า มากมายนัก
ส่วนถ้วยใหญ่อย่างแชมป์เปี้ยนลีก นั้น ด้วยประสบการณ์ และความเก๋า ยังไง มาดริด ก็คงเข้าไปรอบลึก ๆ ได้อย่างไม่ยากเย็น เหมือนหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา แต่การลุ้นแชมป์อาจจะยากกว่าเดิมหน่อย เพราะหลาย ๆ ทีมก็แกร่งขึ้นมามาก ทั้ง ยูเวนตุส ที่ได้โรนัลโด้ ไปเป็นหัวใจเกมส์รุก หรือ แมน ซิตี้ ทีมที่สมดุล ทุกอย่างดูลงตัวมากๆในปีนี้ แต่อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ สำหรับถ้วย บิ๊กเอียร์ อย่างแชมเปี้ยนลีก รีลมาดริด อาจจะกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์อีกครั้งก็เป็นได้ เราก็ต้องมารอดูกันต่อไปว่า อนาคต รีล มาดริด กับ กุนซือ ใหม่อย่าง ซานดิอาโก้ โซลารี่ ที่ล่าสุดพึ่งต่อสัญญาคุมทีมไปจนถึงปี 2021 นั้น จะทำให้รีล มาดริด กลับมาเป็นราชันผู้น่าเกรงขามแห่งยุโรป ได้อีกครั้งหรือไม่
เขียนและเรียบเรียงโดย : ด.ดล