ดราม่าซ้ำซ้อน ( Inception )
ถือว่าเป็นการเริ่มต้นฤดูกาลที่น่าหดหู่ใจยิ่งนักสำหรับพลพรรคปีศาจแดงและแฟนๆ ผ่านมาแล้ว 2 นัดแต่รูปเกมส์เหมือนบอลยังไม่มีทรง นัดแรกถึงกับแพ้คาบ้านมา ส่วนนัดที่ 2 ถึงแม้จะชนะแต่ก็ต้องบอกว่ารูปเกมส์แพ้เขาอย่างสิ้นเชิง
หลังจากที่แพ้คาบ้านมาทำให้ นัดที่สองที่จะต้องออกไปเยือนไบรตัน ผลจะออกเป็นหน้าไหนไม่ได้นอกจากต้องเก็บ 3 แต้มเท่านั้น มิเช่นนั้นเก้าอี้นายใหญ่ของน้าโอเล่มีร้อนอีกครั้งแน่
สำหรับไบรตัน ทีมนี้ต้องบอกว่าเป็นทีมเล็กที่ปีที่แล้วสามารถหนีตกชั้นมาได้อย่างเฉียดฉิว แต่ว่าเริ่มต้นฤดูกาลนี้พวกเขากลับมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างมาก และลงเล่นไปแล้ว 2 นัด แพ้เชลซีมา 1 -3 แต่รูปแบบการเล่นต้องบอกว่าชนะใจคนดู
ส่วนนัดที่ 2 ก็คว่ำทีมอย่างนิวคาสเซิลไปแบบหมดสภาพถึง 3 – 0 ทำให้นัดนี้ ปีศาจแดงต้องเจอกับงานยากอย่างแน่นอน
เริ่มเกมส์นี้ต้องบอกว่าเป็นไปตามคาดเพราะเจ้าบ้านไบรตันเล่นดีมาก คุมสถานการณ์ได้ทุกอย่าง โดยเฉพาะตัวรุกที่มีความเร็ว อีกทั้งยังมีวิงแบ็กซ้ายขวาที่เล่นดีและมีความเร็ว จนสามารถเรียกจุดโทษและขึ้นนำไปก่อน
ถึงแม้ว่าขึ้นนำได้แปปเดียวแมนยูก็สามารถตามตีเสมอได้เร็วแต่รูปเกมส์ของแมนยูก็ดูไม่ดีขึ้นเลย
เริ่มครึ่งหลังรูเกมส์ก็ยังเป็นฝั่งเจ้าบ้านที่ครองเกมส์ได้ แต่กลับต้องมาโดนลูกสวนกลับเร็วที่เป็นทีเด็ดของปีศาจแดงมาตลอดเล่นงานจนได้
จะเห็นได้ว่า ทั้งเกมส์วันนี้ บรูโน่ ดูเงียบมากเพราะโดนเข้าบอลเร็วพลิกบอลแทบไม่ได้ จุดนี้ต้องชมแดนกลางอย่าง ลัลลาน่า กับ อัลซาเต้ ที่เล่นดีมาก
แต่พอ บรูโน่ มีโอกาสมีเวลาได้พลิกบอล ก็อันตรายเลยเพราะลูกที่ 2 ของแมนยูต้องบอกว่ามาจากการจ่ายที่เฉียบคมมาก ทิ้งให้ แรชฟอร์ด ได้ใช้ความเร็วฉีกกองหลังและแสดงความมเยือกเย็นในการจบสกอร์ ล็อคหลบซ้ายขวาก็จะยิงเข้าไป
แต่หลังจากนั้นรูปเกมส์กลับเป็นฝั่งเจ้าบ้านกลับบุกหนักมากชนิดที่ว่าแมนยูรับเต็มตัวถอดตัวรุกอย่าง กรีนวูด ส่ง ไบญี่ เปลี่ยนระบบมาเล่นหลัง 3 ซะอย่างนั้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังโดนเจ้าบ้านโจมตีอย่างไม่ลดละ เกือบโดนตีเสมอหลายต่อหลายครั้ง จุดนึงที่เห็นได้ชัดคือ วานบิสซาก้า ดูจะผิดฟอร์มไป เพราะบอลจะหลุดมาทางเขาหลายครั้งมาก
เนื่องจากตัวเขากลับหุบเขาไปตรงกลางบ่อยครั้ง ถึงขนาดเล่นหลัง 3 แล้วยังจะหุบเขาไปอีก เหมือนตอนเล่นหลัง 2 อยู่ ปล่อยให้ ซอดี้ มาช สอดขึ้นมาได้ลองส่องไปหลายต่อหลายครั้ง
จุดนี้ไม่เข้าใจว่าทำไมน้า โอเล่ และทีมงานไม่ตะโกนหรือทำบางอย่างเพื่อบอกกับ วานบิสซาก้า ว่าระวังอย่างหลุดตำแหน่งตัวเอง หรือว่าบอกแล้วแต่ก็ยังเผลอหุบเข้าไปอีก
จนเป็นเหตุให้ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้ายเสียประตูจนได้ เพราะตัวที่ยิงได้คือ ซอดี้ มาช ที่ยืนโล่งๆ ซึ่งจังหวะนี้ต้องโทษ วานบิสซาก้า เต็มๆ
แต่ในความดราม่า ก็ยังมีดราม่าต่อ เมื่อหลังจากจังหวะนั้นแมนยูได้โอกาสบุกขึ้นมาชุดสุดท้ายและได้เตะมุม จากจังหวะเตะมุนนี้เอง แม็กไกว โหม่งไปโดนมือของผู้เล่นไบรตัน
แต่กรรมการไม่เห็นและเหมือนจะได้ยินการเป่านกหวีดหมดเวลาการแข่งขันไปในขณะที่ผู้เล่นแมนยูกำลังประท้วงวุ้น ( บางทีก็รีบเป่าเกินไป มีการประท้วงน่าจะดูหน่อย)
จนมีเสียงจากห้อง VAR ให้กลับมาเช็กจังหวะนี้ดูก่อน และหลังจากที่ไปเซ็คจอ VAR ข้างสนามก็กลับมาเป่าเป็นจุดโทษให้แมนยู ยิงนำอีกครั้ง 3-2 และชนะไปในที่สุด
หลายคนบอกว่าทำไมถึงกลับมาให้จุดโทษทั้งๆ ที่เป่าหมดเวลาไปแล้ว สำหรับผมก็มองว่าไม่ได้ผิดแปลกอะไรกับฟุตบอลสมัยนี้ ( New normal ) ที่มีการนำ VAR มาใช้ก็ต้องมีจังหวะแบบนี้เป็นธรรมดา
ส่วนตัวมองว่าถึงแม้จะเป่าหมดเวลา แต่จังหวะที่เกิดเหตุที่โดนมือ เป็นจังหวะเกิดก่อนที่จะเป่าหมดเวลา และ VAR ก็มีหน้าที่เช็คได้อยู่แล้ว
มันก็คล้ายๆ กลับที่ยิงเข้าประตูไปแล้วแต่บางจังหวะต้องรอยืนยันจาก VAR ว่ามีการทำฟาวหรือล้ำหน้าหรือไม่
เขียนและเรียบเรียงโดย : มินวัง
ติดตาม ShirtLocker.co เพิ่มเติมได้ที่เสื้อบอลคลาสสิค ผ้าพันคอ เข็มกลัด ลายเซ็นต์นักบอล หายากมากมาย
แค่เพิ่มเพื่อนไลน์แอด ให้คุณได้รู้ข่าวก่อนใคร มีรางวัลแจกทุกวัน กดที่ลิงค์นี้ครับ
Line :https://line.me/R/ti/p/@shirtlocker.co
Facebook :facebook.com/shirtlocker.co
Website :www.shirtlocker.co
Blockdit :blockdit.com/shirtlocker.co
Twitter :twitter.com/ShirtlockerCo
Instragram :instragram.com/shirtlocker.co