Gegenpressing กับวิทยาศาสตร์เบื้องหลังวิธีการฝึกซ้อมของ Jurgen Klopp
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาฟุตบอลอาชีพได้รับอิทธิพลจากวิทยาศาสตร์การกีฬามากขึ้นเรื่อยๆ ผู้จัดการได้หันมาใช้วิธิการใหม่ ที่มีการพึงพาเทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาการวิเคราะห์ทางสถิติ
เนื่องจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี ผู้จัดการทีมวันนี้มีตัวเลขที่อยู่บนปลายนิ้ว ที่ผู้จัดการทีมยุครุ่นก่อน ๆ ไม่เคยมี เช่น ผู้เล่นวิ่งได้กี่กีโลเมตร ? โหม่งสำเร็จกี่ครั้ง ? ใครสัมผัสบอลกี่ครั้ง มีผู้เชี้ยวชาญจำนวนมากที่รับผิดชอบด้านต่างๆ ที่ผู้จัดการสมัยใหม่ สามารถเรียกร้องได้ เช่น ผู้ฝึกสอน การปรับสภาพโค้ชผู้รักษาประตู นักวิเคราะห์วิดีโอ แมวมองและอื่น ๆ
แต่สำหรับชายที่ชื่อ Jergen Kloop ต้องบอกว่าความเป็นไปได้ทั้งหมดนี้ ตัว Kloop มีความรอบคอบในการใช้เทคโนโลยีใหม่ โดยเฉพาะบทบาทของสถิติ ตัวอย่างหนึ่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจน คือ ผลงานของนักวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่าง Dr. Roland Loy
Dr. Roland นั้นเป็นผู้มีอิทธิพลมากในการใช้สถิติในโลกฟุตบอล เขาได้เขียนหนังสือจากการวิจัยของเขา ได้วิเคราะห์การแข่งขันฟุตบอลมากกว่า 3,000 รายการในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมาในการพิสูจน์ข้อสันนิษฐานทั่วไปมากมาย ตัวอย่างเช่น
เขาค้นพบว่า ทีมของคุณจะมีเปอร์เซ็นต์การชนะแค่ 40 % เท่านั้น ถ้าเจอทีมที่มีเกมส์รับที่ดี จากตรงนี้ยังอธิบายต่อว่า การโจมตีจากทางด้านข้างจากปีก ควรนำมาใช้มากกว่า และมีโอกาศเห็นผลมากกว่าการพยายามโจมตีตรงกลาง อย่างไรก็ตาม Kloop ไม่ได้เชื่ออย่างนั้น แน่นอนเขาเชื่อมั่นในข้อสังเกตต่อหน้ามากกว่าตัวเลขในกระดาษ
ประเด็นหนึ่งที่ Kloop ให้ความเชื่อมั่นในวิธีการทางวิทยาศาสตร์การกีฬามาก นั้นคือเรื่องความแข็งแกร่งของตัวผู้เล่น ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การกีฬาทำให้สามารถปรับระบบการฝึกซ้อมของเขาให้เข้ากับระดับความฟิตของผู้เล่นแต่ละคนได้
ผู้เล่นที่สมบูรณ์ จะมีความพร้อมตลอด สามารถรับมือกับการฝึกซ้อมได้แตกต่างจากคนที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บซึ่งเพิ่งกลับมาฝึกซ้อมเต็มรูปแบบหลังจากการพักฟื้นเป็นเวลานาน
ข้อสรุปของ Kloop คือ ไม่มีผู้เล่นคนใดควรมีการฝึกมากหรือน้อยเกินไป มันขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายในตอนนั้น เพื่อแน่ใจถึงสภาพร่างกาย Kloop จึงใช้การ ทดสอบแลคเตท ( lactate test)
แลคเตทถูกผลิตขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์สลายการเผาผลาญใรระหว่างการออกกำลังกาย ทันทีที่กล้ามเนื้อไม่สามารถผลิตพลังงานจากออกซิเจนแบบแอโรบิคได้เพียงพออีกต่อไป ความเข้มข้นของแลคเตทจะแสดงคำแนะนำเกี่ยวกับระดับความแข็งแกร่งของผู้เล่น ระดับ กรดแลคติกสามารถระบุได้โดยการเจาะเลือดจากติ่งหู
ระบบการฝึกซ้อมส่วนบุคคลดังกล่าว ทำได้ง่ายขึ้นด้วยการที่จะมีทรัพยากรเพิ่มขึ้นในการโค้ชให้กับผู้เล่นโดยตรง เพราะไม่ต้องไปเสียทรัพยากรไปกับผู้เล่นที่ยังไม่จำเป็น Kloop เสนอตัวอย่างเล็กๆ อย่างหนึ่ง
” คุณเคยมีจอแสดงผล Heartrate หนึ่งเครื่องสำหรับผู้เล่น 20 คน แต่ตอนนี้คุณมีจอภาพ Heartrate 40 เครื่องสำหรับผู้เล่น 10 คน นั่นเป็นการเปิดโอกาสใหม่ๆ และยังทำงานได้ง่ายขึ้นด้วย ”
เมื่อรวมเข้ากับวิธีการทางวิทยาศาสตร์ใหม่ๆ แล้วยังมีข้อมูลที่ลึกซึ้งกว่าที่โค้ชรุ่นก่อนๆ ความรู้เชิงลึกที่มากขึ้นนี้เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้เล่นซึ่งสามารถผลักดันขีดจำกัดของความฟิตได้
Kloop เองรู้ดีถึงความแตกต่างในการฝึกซ้อมตอนนี้กับการฝึกซ้อมตอนสมัยตอนที่ตัวเขายังเป็นผู้เล่น ” ผมคิดว่าผู้เล่นหลายคนในรุ่นของผม ได้รับการฝึกฝนหนักเกินไปไม่น่าเชื่อเลยว่า เราสามารถฝึกได้มากขนาดนั้น”
“มันบ้ามากที่เราใช้เวลาอยู่ในสนาม เราต้องวิ่งมากแค่ไหนและหนักแค่ไหน หนึ่งในตัวชี้วัดหลักที่บ่งบอกว่า เซสชั่นการฝึกซ้อมนั้นหนักพอหรือไม่คือ เมื่อมีผู้เล่นอย่างน้อยหนึ่งคนทิ้งตัวลงบนสนาม”
“ในทางตรงกันข้าม รูปแบบการฝึกซ้อมในปัจจุบันมีความเข้าใจที่เหมาะสมมากกว่าเกี่ยวกับความพยายามที่ให้มีการผ่อนคลาย การพักผ่อนจากความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น”
การที่ Kloop ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการฝึกความแข็งแกร่งนั้นไม่น่าแปลกใจ เพราะท้ายที่สุดความแข็งแกร่งมีความสำคัญต่อรูปแบบการเล่นของเขา (การเพรสซิ่ง)
ผู้เล่นของเขาสามารถวิ่งใส่อย่างบ้าคลั่งกันได้ตลอดทั้งเกมส์ นำมาซึ่งความสำเร็จมากมายทั้งต่อตัวเขาและสโมสร ทั้งในอดีต (โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ) และลิเวอร์พูล อย่างที่เราได้เห็นกันในทุกวันนี้นั่นเองครับ
References : หนังสือ Jurgen Klopp : The Biography โดย Elmar Neveling
เขียนและเรียบเรียงโดย : มินวัง
ติดตาม ShirtLocker.co เสื้อบอลคลาสสิค ผ้าพันคอ เข็มกลัด ลายเซ็นต์นักบอล หายากมากมาย
แค่เพิ่มเพื่อนไลน์แอด ให้คุณได้รู้ข่าวก่อนใคร มีรางวัลแจกทุกวัน กดที่ลิงค์นี้ครับ
Line :https://line.me/R/ti/p/@shirtlocker.co
Facebook :facebook.com/shirtlocker.co
Website :www.shirtlocker.co
Blockdit :blockdit.com/shirtlocker.co
Twitter :twitter.com/ShirtlockerCo
Instragram :instragram.com/shirtlocker.co